ไมเคิล ดอร์ซีย์ เป็นนักแสดงที่เป็นที่ยอมรับนับถือ แต่ไม่มีใครในนิวยอร์กที่ต้องการจ้างเขา เพราะเขาเป็นพวกเพอเฟ็คชันนิสต์และทำงานด้วยยาก หลังจากผ่านไปหลายเดือนโดยไม่มีงานทำ ไมเคิลได้ยินเรื่องจาก แซนดี เลสเตอร์ เพื่อนและนักเรียนการแสดงของเขาว่า จะมีการเปิดละครโทรทัศน์เรื่อง เซาท์เวสต์เจนเนอรัล ออกอากาศในช่วงกลางวันซึ่งมีคนดูมาก ซึ่งเธอพยายามให้ได้บทบาทเป็นเอมิลี คิมเบอร์ลี ผู้บริหารโรงพยาบาล ไมเคิลได้ไปหา จอร์จ ฟีลด์ส์ เพื่อให้เขาหางานให้ แต่ถูกจอร์จปฏิเสธเนื่องจากความเรื่องมากของไมเคิล ด้วยความที่ไม่มีอะไรจะเสีย ไมเคิลจึงปลอมตัวเป็นผู้หญิงเพื่อเข้าคัดตัวแสดงโดยใช้ชื่อว่า “โดโรธี ไมเคิลส์” และได้รับบทนี้ในที่สุด ไมเคิลรับงานนี้เพราะต้องการหาเงินให้ได้ 8,000 ดอลลาร์ สำหรับใช้จัดการแสดงหนึ่งซึ่งเขียนบทโดยเจฟฟ์ สเลเตอร์ เพื่อนร่วมห้องของเขา โดยมีตัวเขาเองและแซนดีรับบทนำ ไมเคิลสวมบทบาทตัวละครของเขาเป็นเฟมินิสต์ที่สดใส กล้าหาญ และมีความมุ่งมั่น ยังความประหลาดใจแก่นักแสดงคนอื่น ๆ และบรรดาทีมงาน ซึ่งต่างก็คิดว่าเอมิลี (ตามบทที่เขียนไว้) ควรจะเป็นอีกหนึ่งตัวละครหญิงที่อ่อนแอและหวั่นไหวง่าย บทบาทที่เขานำเสนอได้กลายเป็นที่ถูกอกถูกใจไปทั้งประเทศอย่างรวดเร็ว
เมื่อแซนดีจับไมเคิลได้ขณะกึ่งเปลือยในห้องนอนของเธอเอง เพราะเขาต้องการจะลองใส่ชุดของเธอเพื่อประเมินให้ได้แนวคิดดี ๆ ว่าตู้เสื้อผ้าของโดโรธีควรจะเป็นอย่างไร เขาก็พยายามกลบเกลื่อนโดยอ้างว่าเขาต้องการจะมีเพศสัมพันธ์กับเธอ เรื่องราวยิ่งเลวร้ายยิ่งขึ้นเมื่อเขาเกิดนึกชอบพอเข้ากับนักแสดงร่วมคนหนึ่งของเขา คือ จูลี นิโคลส์ ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและมีความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีนักกับ รอน คาร์ลิเซิล ผู้กำกับรายการเหยียดเพศนิสัยไม่ค่อยดี ขณะอยู่ในงานปาร์ดี้เมื่อไมเคิล (ไม่ได้แต่งหญิง) เข้าหาจูลีโดยเลือกใช้ประโยคตามอย่างที่เธอเคยพูดกับโดโรธีไว้ว่าเธอน่าจะเป็นผู้หญิงที่ง่ายเกินไป เธอสาดน้ำใส่หน้าเขา ต่อมา ในฐานะโดโรธี เมื่อเขาทำการทดสอบให้ยิ่ง ๆ ขึ้น จูลีได้จบความสัมพันธ์กับรอนลงอย่างทันทีทันใดตามคำแนะนำของโดโรธี และก็ทราบด้วยว่าเธอไม่ได้เป็นเลสเบียนหลังจากที่โดโรธีจะจูบจูลีแต่ถูกจูลีปฏิเสธแบบทันควัน
ในขณะเดียวกันนั้นโดโรธีก็มีบรรดาผู้นิยมชมชอบในตัวเธอให้ต้องรับมืออย่าง จอห์น แวน ฮอร์น สมาชิกนักแสดงสูงวัยรายหนึ่ง และเลส พ่อของจูลีซึ่งเป็นพ่อม่าย เลสนัดเดทกับโดโรธีและเต้นรำด้วยกัน หลังจากนั้นได้ขอแต่งงานด้วยและยืนยันหนักแน่นให้โดโรธีคิดใคร่ครวญเรื่องนี้ก่อนให้คำตอบกับเขา เมื่อไมเคิลกลับถึงบ้านในวันหนึ่งเขาก็พบจอห์น ผู้ซึ่งเกือบจะใช้กำลังบังคับขืนใจต่อโดโรธีกระทั่งเจฟฟ์เดินเข้ามาหยุดสถานการณ์ไว้ได้ จากนั้นไม่นาน แซนดีซึ่งมาหาไมเคิลได้ถามเขาว่าทำไมถึงไม่ตอบโทรศัพท์เธอเลย ในตอนแรกแซนดีสงสัยว่าไมเคิลเป็นเกย์ แต่ในที่สุดไมเคิลยอมรับกับเธอตรง ๆ ว่าเขารักอยู่กับผู้หญิงคนอื่น แซนดีถึงกับร้องกรี๊ดลั่นห้องและตัดสินใจเลิกคบหากับเขา
จุดพลิกผันมาถึงเมื่อทางผู้จัดรายการต้องการขยายสัญญาทำงานกับโดโรธีไปอีกปีหนึ่งอันเนื่องมาจากความนิยมในตัวเธอ ไมเคิลคิดหนทางฉลาด ๆ เพื่อปลดเปลื้องตัวเองให้พ้นจากประเด็นดังกล่าว โดยเมื่อการแสดงได้ถูกบังคับให้ต้องออกอากาศแบบสดเนื่องจากปัญหาทางเทคนิค เขาได้ด้นสดอย่างผ่าเผยต่อหน้ากล้อง ถอดวิกผมทิ้ง เช็ดเครื่องสำอางบนใบหน้าออก และเปิดเผยว่าแท้จริงแล้วเขาคือเอ็ดเวิร์ด น้องชายฝาแฝดของเอมิลีซึ่งเข้ามาสวมบทบาทเป็นตัวเธอก็เพื่อแก้แค้นเธอ เหตุการณ์ครั้งนี้ได้สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนในกองถ่ายเป็นอย่างมาก การเผยเรื่องราวนี้ช่วยให้ทุก ๆ คนมีทางออกได้งดงามมากบ้างน้อยบ้าง อย่างไรก็ตาม จูลีซึ่งโกรธจัดได้ต่อยเขาที่ท้องทันทีที่กล้องหยุดออกอากาศ ก่อนจะฉุนเฉียวออกไป
หลายสัปดาห์ให้หลัง ไมเคิลกำลังเดินหน้าทำงานการแสดงของเจฟฟ์ เขาก็ได้เอาแหวนขอแต่งงานของเลสไปคืนให้กับเจ้าตัว เลสตอบกลับมาว่า “เหตุผลเดียวที่แกยังมีชีวิตอยู่ก็เพราะฉันยังไม่ได้จูบแก แต่ฉันไม่น่าไปเต้นรำกับแกเลย” อีกทั้งยังถามไมเคิลว่าทำไมต้องปลอมตัวเป็นโดโรธี ไมเคิลบอกว่าแค่อยากหางานทำเท่านั้น และได้ถามเลซว่าจูลีได้พูดถึงเขาบ้างหรือเปล่า เลซส่ายหน้าพร้อมกับกำหมัดชกไปที่ต้นแขนไมเคิลเบาๆ
ต่อมาไมเคิลมารอจูลีอยู่ด้านหน้าสตูดิโอ เธอไม่เต็มใจที่จะพูดกับเขา แต่ท้ายที่สุดก็ยอมรับว่าเธอคิดถึงโดโรธี ไมเคิลบอกเธอว่า “ไม่จำเป็น เพราะผมอยู่นี่แล้ว และผมก็คิดถึงคุณ ผมเป็นผู้ชายที่ดีต่อคุณในฐานะผู้หญิงดีกว่าที่ผมเป็นผู้หญิงในฐานะผู้ชาย” จูลีไม่เข้าใจความหมายที่ไมเคิลพูด ไมเคิลได้พูดต่อไปว่า “ผมอยากดีเท่าเดิมโดยที่ไม่ต้องปลอมตัวอีก” เธอให้อภัยเขาพร้อมกับเอ่ยขอยืมชุดที่ไมเคิลเคยใส่ในคราวโดโรธี และทั้งคู่ก็เดินไปตามถนนด้วยกัน