ประเทศจีนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 รัฐบาลจีนได้ส่งชายชาวจีนเกณฑ์ไปเป็นแรงงานในสมรภูมิต่าง ๆ ในยุโรป รวมถึง เฉินเจิน (เจิ้น จื่อตัน) เฉินเจินสามารถเอาชีวิตรอดกลับมาสู่ประเทศจีนได้ แต่ทว่าต้องสูญเสียเพื่อนร่วมชาติที่มีอุดมการณ์ไป หลังสงครามจบ ชาติมหาอำนาจที่เข้าร่วมในสงคราม เช่น สหรัฐอเมริกาและอังกฤษ กลับไม่ใยดีจีน และไม่สนใจที่เมืองชิงเต่าถูกกองทัพญี่ปุ่นยึด
ในกลางทศวรรษ 20 เฉินเจินได้กลับมาสู่เซี่ยงไฮ้ ในยุคที่จักรวรรดิญี่ปุ่นกำลังแผ่แสนยานุภาพ และกำลังสู่สงครามจีน-ญี่ปุ่น ในคราบนักธุรกิจหนุ่มเจ้าสำราญ ที่เซี่ยงไฮ้มีไนต์คลับที่เป็นแหล่งรวมของบุคคลชั้นสูงในเวลานั้น ชื่อ คาซาบลังกา มีนักร้องหญิงชื่อ กีกี้ (ซูฉี) เป็นดาวที่ดึงดูดแขกเข้ามายังที่แห่งนี้ คาซาบลังกาบริหารโดย หลิว ยั่วเทียน (หวง ชิวเซิน) นักธุรกิจใหญ่ที่มีเส้นสายในเซี่ยงไฮ้ โดยไม่มีใครรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเฉินเจิน คือ ลูกศิษย์ของ ฮั่ว หยวนเจี๋ย(หลี่ เหลียงเจี๋ย) ปรมาจารย์หมัดหมี่จงชื่อดัง ที่ล่วงลับไปก่อนหน้านี้ด้วยการสู้กับพวกญี่ปุ่นเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีชาวจีนและประเทศชาติ เฉินเจินแฝงตัวเข้ามาในไนต์คลับแห่งนี้เพื่อสืบหาเบาะแสพวกญี่ปุ่น โดยเข้าร่วมกับขบวนการกู้ชาติจีน ซึ่งประกอบด้วย ตำรวจ, นักศึกษา และแรงงาน
เฉินเจินได้ปลอมตัวเป็นหน้ากากฮีโร่เพื่อจัดการทหารญี่ปุ่น และคุ้มครองชาวจีนผู้รักชาติหลายคนที่ตกเป็นเป้าสังหารของญี่ปุ่น โดยที่กีกี้ นักร้องสาวประจำคาซาบลังกานั้นเป็นสายลับของฝ่ายญี่ปุ่น ท้ายสุดเมื่อความจริงปรากฏ เฉินเจินได้เปิดเผยตัวและบุกเข้าสู่ โดโจ สำนักฝึกศิลปะป้องกันตัวของฝ่ายญี่ปุ่นเพื่อดวลเดี่ยวกันตัวต่อตัวต่อแม่ทัพฝ่ายญี่ปุ่น