เรื่องเล่าถึงชีวิตของกิลเบิร์ต เกรป (จอห์นนี เดปป์) ชายหนุ่มชาวชนบทในเอนโดรา เมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในรัฐไอโอวา เขาอาศัยอยู่กับครอบครัวที่ประกอบไปด้วยบอนนี เกรป (ดาร์เลน เคตส์) มารดาผู้เป็นโรคอ้วนและมีรูปร่างใหญ่โตเกินขนาด อาร์นี เกรป (ลีโอนาโด ดิคาปริโอ) น้องชายที่พิการทางสมอง เอมี เกรป (ลอรา ฮาร์ริงตัน) พี่สาวคนโต และเอลเลน เกรป (แมรี เคต สเคลล์ฮาร์ดต์) น้องสาวคนเล็ก หน้าที่ประจำของกิลเบิร์ตคือการปกป้องดูแลอาร์นี และทำงานในร้านขายของชำของสองสามีภรรยาตระกูลแลมสันที่กำลังประสบปัญหาจากการเข้ามาแย่งตลาดของซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งใหม่ที่ชื่อ “ฟูดแลนด์”
ส่วนชีวิตส่วนตัวของเขา กิลเบิร์ตมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวอย่างลับ ๆ กับเบตตี คาร์เวอร์ (แมรี สตีนเบอร์เกน) หญิงที่อาศัยในเอนโดราเหมือนกัน เธอคนนี้เป็นแม่บ้านลูกสองและภรรยาของเคน คาร์เวอร์ (มาร์ก จอร์แดน)
ต่อมา กิลเบิร์ตได้พบกับเบคกี (จูเลียตต์ เลวิส) หญิงสาวที่เดินทางมาพร้อมกับยายของเธอโดยใช้รถบ้านเป็นพาหนะ แต่เดินทางต่อไม่ได้เพราะรถบ้านคันนั้นเสีย ทั้งเบคกีและกิลเบิร์ตเริ่มสานความสัมพันธ์มากขึ้นเรื่อย ๆ จนรู้ไปถึงเบตตี เธอพยายามยื้อความสัมพันธ์ลับ ๆ กับกิลเบิร์ตเอาไว้ แต่สุดท้ายหลังจากที่พบกว่ากิลเบิร์ตไม่ยอมรับตัวเธออีกแล้วและสามีของเธอก็ถึงแก่กรรมจากอุบัติเหตุ เธอก็ตัดสินใจเดินทางออกจากเมืองเพื่อค้นหาชีวิตใหม่
หลังจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ผ่านไป กิลเบิร์ตกับเบคกีต่างมีความรักให้แก่กัน ขณะที่อาร์นีก็เริ่มสร้างปัญหาให้กับกิลเบิร์ตมากขึ้น ตั้งแต่แอบปีนขึ้นไปบนหอเก็บน้ำในเมืองจนถูกตำรวจจับ ทำเค้กที่เอมีทำไว้เพื่อใช้ในงานเลี้ยงวันเกิดครบ 18 ปีของตัวอาร์นีเองพัง ไปจนถึงแอบกินเค้กที่กิลเบิร์ตซื้อมาแทนเค้กของเอมีก่อนงานวันเกิดจริง ๆ ปัญหาต่าง ๆ ที่อาร์นีก่อขึ้นมาประกอบกับแรงกดดันจากชีวิตและครอบครัวทำให้กิลเบิร์ตบันดาลโทสะและทำร้ายร่างกายอาร์นีในวันที่อาร์นีแอบกินเค้กก้อนนั้น เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้อาร์นีตกใจและโกรธจนหนีออกจากบ้านในขณะที่กิลเบิร์ตก็ขับรถออกจากบ้านเพื่อไปหาเบคกีด้วยอาการสำนึกในสิ่งที่ทำลงไป
เมื่อไปถึงรถบ้านของเบคกี เขาพบว่าอาร์นีกำลังอยู่กับเบคกีด้วย โดยในขณะนั้นเบคกีกำลังชวนอาร์นีที่กลัวน้ำ (ซึ่งมีสาเหตุมาจากครั้งหนึ่งเขาเคยถูกกิลเบิร์ตปล่อยทิ้งไว้ในอ่างอาบน้ำข้ามคืนโดยไม่ได้ตั้งใจ) ลงมาเล่นน้ำในบ่อใกล์กับที่เธอพำนักอยู่เพื่อเป็นการบำบัดโรคกลัวน้ำนี้ ซึ่งอาร์นีก็ยอมลงเล่นน้ำกับเธอด้วยดี ก่อนที่เธอจะส่งเขากลับไปให้เอมีและเอลเลนที่ออกมาตามหาอาร์นีในค่ำคืนวันนั้น การกระทำของเบคกีทำให้กิลเบิร์ตพอใจอย่างมาก
ในวันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นวันที่ครอบครัวเกรปจัดงานเลี้ยงวันเกิดครบ 18 ปีให้กับอาร์นี กิลเบิร์ตตัดสินใจกลับมาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้และขอโทษอาร์นีในสิ่งที่ทำลงไป ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีเมื่อพี่ชายและน้องชายกลับมาคืนดีอีกครั้ง แต่หลังจากงานเลี้ยงวันนั้น บอนนี แม่ของพวกเขาก็ถึงแก่กรรมอย่างสงบ โดยก่อนสิ้นใจเธอได้กล่าวชื่นชมกิลเบิร์ตว่าเขาคือ “อัศวินในชุดเกราะที่ส่องแสงแวววาว” (knight in shimmering armor) และเขาก็เติบโตขึ้นแล้ว
ในการเคลื่อนย้ายศพของบอนนีที่มีขนาดใหญ่ (ขนาดที่กิลเบิร์ตมักใช้พรรณนาให้เบคกีฟังเสมอว่าเท่ากับปลาวาฬ) นั้น ทางการของเมืองจะเข้ามาช่วยเหลือโดยจะใช้เครนมายกและใช้เฮลิคอปเตอร์ในการเคลื่อนย้าย จากวิธีดังกล่าวทำให้ลูก ๆ ทั้ง 3 ที่ประกอบไปด้วยกิลเบิร์ต เอมี และเอลเลน กลัวว่าจะทำให้ศพของแม่เป็นจุดเด่นให้ชาวเมืองหัวเราะเยาะได้ เพราะรูปร่างของบอนนีเป็นที่โจษขานกันในหมู่ชาวเมืองอยู่แล้วว่าประหลาด พวกเขาจึงคิดหาวิธีอื่นในการเคลื่อนย้าย จนในที่สุดกิลเบิร์ตก็ตัดสินใจไม่ย้ายศพของแม่ออกจากบ้าน แต่ได้จุดไฟเผาบ้านทั้งหลังที่มีศพของบอนนีนอนอยู่ในนั้นแทน
หนึ่งปีต่อมาหลังจากนั้น ครอบครัวเกรปที่เหลืออยู่ได้แยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของตนเอง มีแต่กิลเบิร์ตก็ยังทำหน้าที่ดูแลอาร์นีเช่นเดิม ภาพสุดท้ายที่ผู้ชมได้เห็นคือทั้งสองได้พบกับเบคกีอีกครั้ง นับตั้งแต่ที่เธอจากเมืองเอนโดราไปเมื่อปีที่แล้ว เธอโดยสารรถบ้านที่ขับมาโดยยายของเธอเช่นเดิม แต่คราวนี้เธอได้รับกิลเบิร์ตและอาร์นีไปร่วมเดินทางและใช้ชีวิตกับเธอด้วย