ยุทธการเดือดเชือดนาซี (อังกฤษ: Inglourious Basterds) เป็นภาพยนตร์สงคราม กำกับและเขียนบทโดยเควนติน แทแรนติโน นำแสดงโดยแบรด พิตต์และคริสตอฟ วอลซ์ ออกฉายในสหรัฐอเมริกาในวันที่ 21 สิงหาคม 2009 ชื่อเรื่องดัดแปลงจากชื่อภาษาอังกฤษ The Inglorious Bastards ของภาพยนตร์สงครามปี 1978 Quel maledetto treno blindato โดยผู้กำกับชาวอิตาลี เอนโซ จี. คาสเตลลารี
ในปี 1941 พันเอกฮานส์ ลันดา (คริสตอฟ วอลซ์) นำทหารนาซีเข้าตรวจค้นฟาร์มโคนมแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่หลบภัยของชาวยิว เขาพบว่ามีครอบครัวชาวยิวหลบซ่อนอยู่ที่ห้องใต้ดิน จึงสั่งลูกน้องกราดยิงคนทั้งหมด มีเพียงเด็กหญิงคนหนึ่งหลบหนีไปได้เนื่องจากลันดาไว้ชีวิต
สามปีต่อมา ชาวยิวรวมตัวกันก่อตั้งกลุ่ม “แก๊งโคตรแสบ” นำโดยร้อยโทอัลโด เรน (แบรด พิตต์) เขารวมกลุ่มทหารอเมริกันเชื้อสายยิว ออกแก้แค้นทหารนาซีอย่างโหดเหี้ยมจนเป็นที่เลื่องลือ โดยเฉพาะการใช้มีดกรีดหน้าผากเป็นเครื่องหมายสวัสดิกะเพื่อเป็นการประจาน
ในเวลาเดียวกัน โชแชนนา เดรย์ฟัส (เมลานี ลอเรนต์) เด็กหญิงคนพี่เติบโตขึ้นและเปลี่ยนชื่อเป็นเอมมานูเอล มีมิกซ์ เธอทำกิจการโรงภาพยนตร์อยู่ที่ปารีส เธอได้พบกับเฟรดริก โซลเลอร์ (แดเนียล บรูห์ล) พลซุ่มยิงเยอรมันที่กลายเป็นวีรบุรุษสงคราม วีรกรรมของเขาถูกโยเซฟ เกิบเบลส์ (ซิลเวสเตอร์ กร็อธ) นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์โฆษณาชวนเชื่อ เกิบเบลส์ได้พบกับโซลเลอร์ขณะกำลังตามจีบเอมมานูเอล และได้เสนอที่จะย้ายสถานที่จัดฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์มาที่โรงภาพยนตร์ของเธอเพื่อเป็นการโปรโมท โดยฮิตเลอร์ (มาร์ติน วูตเก) เองก็จะมาร่วมงานนี้ด้วย
เธอวางแผนจะแก้แค้นนาซีที่พรากเธอจากครอบครัว โดยให้มาร์เซล (แจ็กกี ไอโด) คู่รักของเธอ ล็อกประตูขังผู้นำนาซีทั้งหมดไว้ในอาคาร และจุดไฟเผาฟิล์มภาพยนตร์ที่เธอสะสมไว้หลายร้อยม้วน ฟิล์มเหล่านี้ทำด้วยไนโตรเซลลูโลสซึ่งเป็นสารประกอบไนเตรตที่มีความไวไฟเทียบเท่ากับวัตถุระเบิด
ในขณะเดียวกัน กลุ่มแก๊งโคตรแสบทราบข่าวการฉายภาพยนตร์รอบพิเศษดังกล่าว ก็ได้วางแผนที่จะก่อวินาศกรรมในงานนี้ด้วย โดยความร่วมมือจาก บริดเจ็ท ฟอน แฮมเมอร์สมาร์ก (ไดแอน ครูเกอร์) นักแสดงสาวชื่อดังชาวเยอรมัน เธอเป็นสายลับสองหน้าที่ช่วยพาแก๊งโคตรแสบเข้างาน ในฐานะทีมงานสร้างภาพยนตร์ฟาสซิสต์จากอิตาลี
พันเอกลันดา ที่ปัจจุบันเป็นหัวหน้าหน่วยเอสเอสของนาซี จับพิรุธของแฮมเมอร์สมาร์กและแก๊งโคตรแสบได้ แต่เขากลับเสนอต่อรองกับนายทหารระดับสูงฝ่ายสัมพันธมิตร ว่ายินดีปล่อยให้แก๊งโคตรแสบทำวินาศกรรม และสังหารฮิตเลอร์และบุคคลสำคัญอื่นๆ เพื่อหยุดยั้งสงครามโลกครั้งที่สอง แลกกับการให้เขาได้รับอภัยโทษ และลี้ภัยหลังสงครามสิ้นสุด