เรื่องราวถูกถ่ายทอดจากมุมมองของยมทูตที่รับรู้เรื่องจากบันทึกของจอมโจรหนังสือ ทุกสิ่งเริ่มต้นที่การเดินทางไปบ้านของพ่อแม่บุญธรรม ครอบครัวฮูเบอร์มาน ของสาวน้อย ลีเซล และการขโมยหนังสือเล่มแรกของเธอ ที่บ้านใหม่และครอบครัวใหม่นี่เอง ที่สาวน้อยได้เรียนรู้และประสบพบเจอกับสิ่งต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการได้เข้าเรียนที่โรงเรียน ชั่วโมงเรียนหลังเที่ยงคืนกับปาปา การพบเจอกับเพื่อนซี้สุดแสบ เด็กหนุ่มผมสีมะนาว รูดี้ การขโมยผลไม้ หน่วยยุวชนฮิตเลอร์ การซ่อนยิว และการขโมยหนังสือ
การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างเรียบง่าย แม้จะไม่ฟู่ฟ่า ไม่ตื่นเต้น และอยู่ในช่วงเวลาที่โหดร้าย แต่ชูชัคได้ชักพาให้ผู้อ่านสัมผัสถึงความอบอุ่น ความสุขอันเรียบง่ายของชาวเยอรมันในช่วงนั้นได้ดี แม้จะอัตคัด แต่ทุกคนก็ดำเนินชีวิตต่อไปอย่างเต็มที่ ตลอดเรื่องเราจะรับรู้ได้ทั้งความอบอุ่นในครอบครัวฮูเบอร์มาน มิตรภาพที่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความรักของเด็กวัยรุ่น การพบเพื่อนใหม่ที่เป็นคนต่างชนชาติ ความขัดแย้งภายในใจ ความโหดร้ายของสงคราม การสูญเสีย และการให้ แต่อย่างไรก็ตามชีวิตต้องดำเนินต่อไป
นอกจากนี้ เราจะรับรู้ได้ตลอดเรื่องว่ายมทูตเองก็มีหัวใจ ตลอดเรื่องจะมีการใส่ความรู้สึกของยมทูตลงไปด้วย ทำให้ผู้อ่านทราบได้ว่า ยมทูตไม่ได้ไร้ความรู้สึก ไร้หัวใจ แต่ยังรู้สึกเศร้าเสียใจ และเหนื่อยเป็นด้วย
สิ่งที่ประทับใจจากหนังสือเล่มนี้มากที่สุดคือ หนังสือที่ แมกซ์ หนุ่มชาวยิวผู้หลบซ่อนที่บ้านฮูเบอร์มานมอบให้แก่แม่หนูจอมโจร เป็นของขวัญวันเกิด และสิ่งตอบแทนสำหรับมิตรภาพที่เธอมอบให้แก่คนยิวอย่างเขา ที่ใครๆก็พากันรังเกียจ และเหยียดหยาม โดยเฉพาะเรื่อง คนค้ำหัว หนังสือเล่มแรกที่แมกซ์ได้มอบให้กับลีเซล แม้จะเป็นคำบรรยายสั้นๆ ประกอบรูปวาดหยาบๆ ไม่กี่หน้า กระนั้นหนังสือเล่มนี้ก็ถ่ายถอดความรู้สึกของเขาออกมาได้เป็นอย่างดี