เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เมื่อสิ่งประดิษฐ์ที่รู้จักกันในชื่อ เกรท แมชชีน ส่งพลังควบคุมจักรกลทั่วโลกให้บุกโจมตีมนุษยชาติ สร้างความปั่นป่วนไปทุกหย่อมหญ้า และจะหยุดทำงานก็ต่อเมื่อมนุษย์สูญสิ้น แต่ในขณะที่โลกใกล้จะพังพินาศ ภารกิจกอบกู้มรดกทางวัฒนธรรมก็เริ่มขึ้นโดยกลุ่มตุ๊กตากระสอบตัวน้อย ๆ พวกเขาได้รับพลังชีวิตจากนักวิทยาศาสตร์ในช่วงเวลาสุดท้ายของมนุษยชาติ และยังคงทำหน้าที่อย่างแข็งขันหลังจากวันโลกาวินาศผ่านไป แต่ละตัวจะมีลักษณะเฉพาะของใครของมัน เริ่มจากคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำในตัวหมายเลข 9 (ให้เสียงโดย อีไลจาห์ วู้ด) ซึ่งช่วยให้พวกพ้องอยู่รอดปลอดภัยและก้าวต่อไปข้างหน้า ในขณะที่หัวหน้ากลุ่มซึ่งชำนาญเรื่องศึกสงครามอย่างหมายเลข 1 (คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์) กลับเป็นพวกอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แถมยังเอาแต่ใจตัวเอง ส่วนหมายเลข 2 (มาร์ติน แลนเดา) เป็นนักประดิษฐ์จิตใจดีแต่สุขภาพทรุดโทรม หมายเลข 3 และ 4 คือคู่แฝดเจ้าปัญญาที่สื่อสารถึงกันได้โดยไม่ต้องพูด หมายเลข 5 (จอห์น ซี.เรลลี) มาในมาดวิศวกรผู้ซื่อสัตย์และมอบแต่สิ่งดีๆ ให้เพื่อน หมายเลข 6 (คริสปิน โกลฟเวอร์) คือศิลปินผู้เอาแน่เอานอนไม่ได้และเห็นอะไรก็วาดไปเสียทุกอย่าง ในขณะที่หมายเลข 7 (เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี) เป็นนักรบผู้กล้าหาญและไม่เคยคิดจะพึ่งพาใคร สุดท้ายคือ หมายเลข 8 (เฟร็ด ตาตัสโชเร) ลิ่วล้อของหมายเลข 1 ซึ่งบึกบึนแต่ไร้สมอง ด้วยความที่มีจำนวนน้อยนิด ตุ๊กตากระสอบ (หรือที่แฟน ๆ หนังสั้นเรียกกันว่า “สติทช์พังก์” จะต้องเรียกพลังในตัวเองออกมาให้มากกว่าขนาดตัวกระจิ๋วหลิว และใช้ปัญญามาต่อสู้กับเครื่องจักรที่ยังคงทำหน้าที่ทำลายล้างอย่างแข็งขัน ซึ่งหนึ่งในนั้น คือสัตว์ประหลาดจักรกลตัวร้ายที่คอยไล่ล่าดูดวิญญาณของพวกเขา ในความมืดมิดก่อนจะถึงแสงแรกของวันใหม่ หมายเลข 9 จึงรวบรวมสมัครพรรคพวกออกมาสู้เพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์ นอกจากจะเผยให้เห็นความโดดเด่นของงานภาพสไตล์ “สตีมพังก์” 9 ยังสำรวจลึกลงไปในความหมายของการมีชีวิต พลังแห่งมวลชน รวมไปถึงคำถามที่ว่าใครสักคนเปลี่ยนโลกได้อย่างไร