หนังเรื่องนี้เ็ป็นผลงานการเขียนบทและกำกับของ วู๊ดดี้ อัลเลนในปี 2007 แม้จะไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก และอาจจะดูเงียบๆ ในประเทศไทย แต่สำหรับฉันแล้ว ถือว่าเป็นผลงานของผู้กำกับคนนี้ที่ฉันประทับใจชิ้นหนึ่งเลยนะ อาจจะมากกว่า 2 เรื่องล่าสุดที่ได้ดูงานของเขาก็ว่าได้ เพราะหนังเรื่องมีความจริงเกี่ยวกับด้านมืดของคนเราเยอะมาก อย่างประโยคที่ว่า “ไม่มีใครอยากเห็นแก่ตัวกันหรอก แต่คนเราก็เห็นแก่ตัวกันหมด” และยังมีอีกเยอะที่ผู้เขียนบทสอดแทรกมาในบทสนทนาของตัวละคร — Cassndra’s Dream เป็นเรื่องราวของ ชายหนุ่มสองคนผู้มีความใฝ่ฝันที่จะซื้อเรือลำหนึ่ง และเรือลำนี้เองที่เป็นจุดจบของเรื่องราวทั้งหมด หนังเปิดฉากมาด้วยภาพของสองพี่น้อง เอียน (Ewan McGregor) และเทอรรี่ (Colin Farrell) ไปเจอประกาศขายเรือมือสองลำหนึ่งในราคา 6000 $ แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีเงินมากขนาดนั้น แต่ด้วยความอยากได้มาก จึงหาวิธีซื้อมันมาครอบครองได้สำเร็จ โดยเทอรี่บอกเอียนว่าเขาชนะพนันได้เงินมาก้อนหนึ่ง พอที่จะซื้อมันได้ พวกเขารักเรือลำนี้มาก และตั้งชื่อมันว่า “แคสซานดร้าดรีม” และใช้มันล่องไปพักผ่อนในวันหยุดกลางทะเลกับบรรดาสาวๆ ทั้งสองเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกันมาก อาจด้วยเพราะถูกปลูกฝังความคิดจากแม่ของเขาว่า “สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เหลือก็คือ ครอบครัว”แม้ว่าทั้งคู่จะมีนิสัยที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เอียนนั้นทำงานอยู่กับพ่อที่มีธุรกิจร้านอาหารเล็กๆ เขาเป็นชายหนุ่มที่มีนิสัยประหยัด และตั้งใจจะเก็บเงินไว้ทำธุรกิจเป็นของตัวเอง และมีความหวังว่าสักวันจะไปลงทุนทำธุรกิจโรงแรมกับเพื่อนที่แคลิฟอร์เนีย เอียนนั้นเป็นคนที่บุคลิกดี หัวดี จึงเป็นความหวังของครอบครัวว่าจะมีอนาคตที่ดี เขากำลังคบหากับนักแสดงสาว แองเจล่า (Hayley Atwell) ด้วยความที่เขาบอกเธอว่า ตัวเองเป็นนักลงทุน เป็นนักธุรกิจฐานะดี เขาจึงอาศัยขอยืมเงิน และรถที่อู่ของเทอรี่มารับ-ส่งเธอเป็นประจำ ส่วนเทอรี่ทำงานอยู่ในอู่ซ่อมรถ เขาใช้ชีวิตเสเพลไปวันๆ ด้วยเหล้า และยา อีกทั้งชอบเสี่ยงโชคด้วยการเล่นพนันเสมอๆ เทอรี่คบหาอยู่กับเคท (Sally Hawkins) เทอร์รี่นั้นบางวันก็มือขึ้นบางวันก็มือตก และในวันที่มือตกสุดๆ เขาเสียเงินไปถึง 90,000 $ ในขณะเดียวกันเอียนก็เกิดภาวะลำบากทางการเงินเช่นกัน ด้วยว่าการคบหากับดาราสาวอย่างแองเจล่าทำให้เขาต้องจ่ายไปมิใช่น้อย เมื่อถึงช่วงเวลาวิกฤตเข้าตาจนเช่นนี้ ทันทีที่ได้ข่าวว่าลุงโฮเวิร์ด ผู้มีฐานะร่ำรวยจะมาเยี่ยม จึงเป็นโอกาสทองของพวกเขาที่จะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ แต่ทว่า ลุงโฮเวิร์ดก็กำลังต้องการความช่วยเหลือเช่นกัน .. และด้วยประโยคที่ว่า “ครอบครัวคือทุกสิ่งทุกอย่าง” นำพาให้พวกเขาต้องพบเจอเรื่องราวโศกนาฏกรรมอันร้ายแรงมาสู่ครอบครัวอย่างที่พวกเขาคาดไม่ถึง — หนังเรื่องนี้ฉันได้ดูนานแล้ว แต่เมื่อหยิบมาดูซ้ำก็ยังสนุก แม้จะไม่หวือหวามากนักแต่ว่าก็เป็นเรื่องที่สะท้อนถึงชีวิตของคนเราได้ดี คนที่ยอมเสี่ยงทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ ฉันชอบประโยคหนึ่งที่เทอร์รี่พูดกับเอียน “วันนี้นายสุขี แต่อย่าลืมว่ายังมีพรุ่งนี้อีกนะ” และยิ่งได้สองดารานำอย่าง ยวน แมคเกรเกอร์ กับ โคลิน ฟาร์เรลมารับบทบาทสองพี่น้องทำให้หนังเรื่องนี้น่าสนใจขึ้นอีกเยอะเลยทีเดียว