ชายคนหนึ่งถูกส่งไปยังปี พ. ศ. 1300 โดยบังเอิญเขาต้องต่อสู้กับกองทัพคนตายและเรียกค้น Necronomicon เพื่อให้เขาสามารถกลับบ้านได้ถือเป็นส่วนขยายของภาคสองโดยตรง ในแบบที่จะดูไม่รู้เรื่องแน่นอนถ้า ไม่รับรู้ข้อมูลเบื้องต้นมาแล้ว ดูจากโปสเตอร์หนังแล้วรู้ได้ทันทีว่างานนี้ไม่เหลืออะไรให้แก่คอสยองสมใจอีก ต่อไป หนังเล่าถึงการเผชิญภัยต่อเนื่องของแอชในยุคอดีตที่วิญญาณร้ายยังเป็นอิสระ ไรมี่ถ่ายตอนจบไว้สองแบบเพื่อฉายแยกให้คนอเมริกันกับคนอังกฤษได้ดูในโรง ( ผมละมึนกับพวกพี่จริงๆ ! ) ในขณะที่บรูซ แคมป์เบลก็จะได้โชว์ศักยภาพดาราตลกหน้าเป็นสลับหน้าตายให้เราดูก่อนการมาถึง ของจิม แครี่ แถมทำได้เข้าเป้าจนน่าคิดว่าพี่แกคงอั้นไว้มานาน และถึงแม้การเดินทางจะสิ้นสุดเบ็ดเสร็จที่ภาคสุดท้ายนี้ แต่แฟรนไชส์ฮีโร่มือเลื่อยไฟฟ้านาม แอชลี่ย์ เจ. วิลเลียมส์ ยังได้ไปต่อในรูปหนังสือการ์ตูนและวิดีโอเกมที่ส่วนใหญ่ความสนุกอยู่ในระดับ พอถูไถเท่านั้น ( รวมถึงภาคต่อสุดเหวอของหนังเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้สร้าง – เลยออกการ์ตูนแทนซะ ในนาม Freddy vs. Jason vs. แต่เมื่อพิจารณาเฉพาะวิวัฒนาการของตัวเอกของเรื่องตั้งแต่จุดเริ่มกระทั่ง มา บรรจบในตอนนี้ แทบจะกล่าวได้ว่า ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อทีเดียว กลับมาที่การดัดแปลงครั้งนี้ นี่มิใช่ครั้งแรกเพราะเมื่อตอนที่ภาคสาม Army of Darkness ออกฉาย ดาร์คฮอร์สได้ออกการ์ตูนดัดแปลงมารับหนังอย่างทันท่วงทีมาแล้ว คำถามคือ แล้ว.. สามสิบปีให้หลังกับหนังภาคแรกเนี่ยนะ? ถึงไม่ทำก็ไม่มีใครว่าอะไรมั้ง อาจพูดได้ว่าสำหรับใครก็ตามที่เป็นแฟนผีอมตะ หนังสือชุดนี้ไม่เพียงเหมาะเจาะอย่างยิ่ง… ทว่าในโลกที่การดัดแปลงอะไรๆข้ามสายพันธุ์ ถูกทำกันถี่จนไม่อาจสร้างความน่าสนใจได้อีกต่อไป การ์ตูนสั้นๆชุดหนึ่งซึ่งเป็นผลจากหนังเล็กๆเรื่องหนึ่ง กลับสามารถกลายเป็นงานดัดแปลงชิ้นเยี่ยมและเปี่ยมชั้นเชิง แบบเดียวกับที่ต้นฉบับของมันกระทำได้ไปซะฉิบไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ